วิจารณ์”ชีวิตที่แตกต่าง”:จดหมายจากชายตาบอด


วิจารณ์ชีวิตที่แตกต่าง”:จดหมายจากชายตาบอด
              ชีวิต  ตามพจนานุกรมไทยราชบันฑิตยสถานได้ให้ความหมาย คือ ชีพ,ความเป็นอยู่,การดำรงอยู่,การดำรงชีวิต
            ชีวิตกว่าจะเกิดมาได้ แม้เป็นเรื่องยาก แต่การมีชีวิตอยู่บนโลกนั้น กลับเป็นเรื่องที่ยากกว่าหลายเท่าเพราะแค่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ก็ทำให้จุดเริ่มต้นของชีวิตของมนุษย์แตกต่างกันแล้ว
(สำนักพิมพ์เวลาดี)
             จดหมายจากชายตาบอด เป็นรวมเรื่องสั้น ที่เขียนขึ้นโดย ประภัสสร เสวิกุล ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสะท้อนสังคมที่แตกต่างผ่านเรื่องสั้น ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 1o เรื่อง ประกอบไปด้วย 1. จดหมายจากชายตาบอด 2. รถไฟฟ้า 3. จันทรุปราคา 4. กระดาษขาวเปล่า 5.กัลปพฤกษ์ 6. หู 7. หัวกะโหลกสองใบ 8. คนทะเล 9. ลูกชายที่หายไป 10. เรื่องรักที่เราลืม  เรื่องจดหมายจากชายตาบอดนับว่าเป็นผลงานแห่งความภาคภูมิใจของสำนักพิมพ์เวลาดี ที่มีโอกาสนำเสนอผลงานคุณภาพ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในการเขียนผ่านเรื่องสั้นทั้งหมด ที่ผู้เขียนต้องการสื่อเรื่องราวที่หลากชีวิตและยังผสานความงามและคุณค่าในการเป็นมนุษย์ในแต่ละบุคคล ที่มีแง่ผลต่างกันอย่างน่าติดตาม ที่มีความมืดมน หมองเศร้า ที่เป็นไปตามสภาพของสังคมในปัจจุบัน
       เรื่องสั้นจดหมายจากชายตาบอดในเล่มนี้สามารถแบ่งได้สามกลุ่มหลักๆคือ กลุ่มแรกเป็นการสะท้อนภาพของผู้คนในปัจจุบันที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม  การเมือง และวิถีชีวิต กลุ่มที่สองแสดงสภาวะทางอารมณ์และจิตใจส่วนลึกของมนุษย์ และกลุ่มสุดท้ายเป็นแนวการเขียนแบบเหนือจริงในเชิงเสียดสีสังคม
     อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมเรื่องสั้นเรื่องนี้แล้วที่แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมที่แตกต่างกัน ที่มีแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป ตัวละครและเรื่องราวเหล่านี้ก็คือสามารถพบเห็นและเป็นไปรอบๆตัวเราอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น และการที่แสวงหาแต่ประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงว่าผู้อื่นจะเดือดร้อน
    เรื่องสั้นเรื่องนี้มีการวางโครงเรื่องและการเขียนไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งไปตามกลุ่มที่ผู้เขียนได้วางไว้โดยใช้ ภาษาที่เข้าใจง่ายในการอธิบายรายละเอียดเล่าเป็นฉากๆตอนๆไปอ่านแล้วเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึง
     

    
        ตัวอย่างเช่น วันเวลาล่วงเลยจากวันเป็นหลายวัน และจากหลายวันเป็นหลายสัปดาห์ ขณะที่ชีวิตของผม กับภรรยายังคงดำเนินไปตามวัฏจักร ด้วยการตื่นแต่เช้ามืดเพื่อตาลีตาลานขับรถออกไปจากบ้านไปที่ทำงาน  จมอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ กับงานที่ซ้าซากจำเจ และผจญกับการจราจรติดขัดบนท้อง ถนนเป็นชั่วๆโมงๆกว่าจะค่อยๆคืบคลานถึงบ้านได้
(ประภัสสร เสวิกุล, 2549:12)

    จากข้อความที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าผู้เขียนได้กล่าวถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวันของตัวละครที่ใช้ชีวิตอยู่ ในสังคมแบบเดิมๆซ้ำซาก ไม่ต่างไปจากเดิมเลย และแฝงไปด้วยการเสียดสีสังคมที่บอกว่าจราจรติดขัดบนท้อง ถนนที่สะท้อนภาพให้เห็นได้ถึงปัจจุบันนี้ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายในการอธิบายทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจในการอ่าน
  
        เรื่องสั้นเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึง ชีวิตของคนเรามีความแตกต่างกันไม่ว่าจะด้านฐานะสังคม รูปร่างหน้าตา และการใช้ชีวิตของแต่ละคนในสังคม และความมืดมน หมองเศร้า
    ตัวอย่างเช่น จดหมายของชายชราตาบอด วางอยู่บนตู้เตี้ยข้างประตูอีกพักใหญ่ก่อนที่จะถูกกวาดทิ้งลงถังขยะไปในอีกหลายเดือนต่อมาชายตาบอดอาจจะรอคอยจดหมายจากลูก แต่เมื่อวันเวลาผ่านเลยไป แกก็คงจะค่อยคลายความกระวนกระวายลง
       …. แกอาจจะคิดว่าลูกสาวมัวแต่หาเงินค่ารักษาตาให้แกจนไม่มีเวลาที่จะตอบจดหมาย หรือไม่ก็ย้ายที่อยู่ใหม่ แม้กระทั่งล้มหายตายจากไปแล้ว แต่ผมคิดว่า นั่นก็คงจะเป็นการดีกว่าที่แกจะรู้ว่า ลูกสาวของแกกลายเป็นคนตาบอดจากอุบัติเหตุในโรงงานเพราะการทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ….
           และก็คงเป็นการดีกว่าสำหรับลูกสาวของแก ที่ไม่ต้องรู้ว่าพ่อของหล่อนเป็นชายชราที่ตาบอดไปแล้ว
(ประภัสสร เสวิกุล, 2549:18)




        จากข้อความที่กล่าวมาข้างต้นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างกันในการใช้ชีวิตและสถานะความเป็นอยู่ของแต่ละคนในสังคม อย่างเช่นชายชราตาบอดที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียวในความมืดมนและเศร้าหมองที่ไม่สามารถที่จะพึ่งพาใครได้ เนื่องจากลูกสาวต้องมาทำงานเพื่อที่จะรักษาตาของผู้เป็นพ่อให้หาย แต่ด้วยความที่อยากจะหาเงินรักษาตาของพ่อจึงทำงานหนักแบบหามรุ่งหามค่ำ จนเกิดอุบัติเหตุกลายเป็นคนตาบอดไปในที่สุด

     จากที่จะได้เงินรักษาพ่อกลับต้องกลายมาเป็นคนตาบอด ก็แสดงให้เห็นถึงชีวิตสถานะหรือฐานะที่แตกต่างกันของคนในสังคมและการใช้ชีวิตของแต่ละคนว่ามีลักษณะแบบไหน อาจจะเศร้ามอง มืดมน แตกต่างกันออกไป และใช้ภาษาในการอธิบายที่เข้าใจง่าย อ่านแล้วอาจจะหดหู่และสงสารชายชราตาบอดกับลูกสาว
      รวมเรื่องสั้นเรื่องนี้ยังกล่าวถึง  การใช้ชีวิตที่แตกต่างของคนในสังคม สังคมที่แตกต่างและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในสังคมที่แตกต่างของเมืองหลวงกับต่างจังหวัดและจิตใจส่วนลึกของมนุษย์
  ตัวอย่างเช่น     เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชายชราได้มีโอกาสเหยียบย่างขึ้นมาบนยานพาหนะที่ทันสมัย สะอาด สบาย-พาหนะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินกับรถต่างจังหวัดที่วิ่งกระโดกกระดอน ระหว่างตำบลกับตัวอำเภอรถแดงเถือกด้วยลูกรังซึ่งทั้งตัวถังและเครื่องยนต์แทบจะหลุดออกเป็นชิ้นๆ เวลากระแทกกระทั้นไปตามท้องถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือรถไฟที่เก่าคร่ำคร่า เชื่องช้าและห่างเหินจากการทำความสะอาด รวมทั้งรถประจำทางในกรุงเทพฯ ที่แน่นขนัดและตะบึงอย่างไม่มีปราณีปราศรัยกับคนโดยสารหรือคนเดินถนน จนจันทาอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ถ้านังไสยังไม่ตาย มันจะเชื่อหรือไม่ถ้าแกเล่าเรื่องรถโก้หรูที่แล่นบนรางลอยฟ้าให้ฟัง
(ประภัสสร เสวิกุล, 2549:21)

    จากข้อความที่ได้กล่าวมาจากข้างต้นนั้นเป็นการสะท้อนภาพให้เห็นถึงการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของคนเมืองหลวงกับคนต่างจังหวัดที่แตกต่างกันมากพอสมควร เช่น เรื่องรถและการเดินทางเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีความแตกต่างกัน ในขณะที่คนต่างจังหวัดเดินทางด้วยความยากลำบากเพราะถนนที่เต็มไปด้วยทางลูกรังที่เต็มไปด้วยหลุมและบ่อสภาพรถมีความเก่าซอมซ่อเชื่องช้าและห่างเหินจากการทำความสะอาด



ในขณะที่เมืองหลวงมีเทคโนโลยีที่เข้าถึงซึ่งก็คือยานพาหนะรถไฟฟ้าทันสมัย สะอาด สบาย แต่กลับกันรถประจำทางในกรุงเทพฯ ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่แทบจะไม่มีแต่ที่ให้ยืน ซึ่งนี้เป็นการนึกคิดในจิตใจของชายชราว่าชั่งมีความแตกต่างกันเสียจริง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตที่แตกต่างกันว่าในขณะที่ต่างจังหวัดเดินทางไป-มาด้วยความยากลำบากแต่กลับเมืองหลวงเดินทางได้สะดวกกว่า แต่ก็กลับอัดแน่นไปด้วยผู้คน เป็นการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเล่าเรื่องโดยผ่านชายชราที่เล่าตามความรู้สึกนึกคิดในจิตใจของตัวเอง

       ซึ่งในหนังเล่มนี้ยังมีการสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะทางอารมณ์และจิตใจส่วนลึกของมนุษย์อีกด้วยว่ามีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรบ้าง
      ตัวอย่างเช่น หนังสือเล่มนั้นทำให้ผมหวนรำลึกถึงนุรีเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมานึกถึงคืนที่เรานั่งมองดูควันไฟที่โรยตัวบางๆหลังจากเสียงเพลง การอ่านบทกวี และการเล่นรอบกองไฟเลิกราลง ลานดินงดงามด้วยความเงียบ ลมหนาวห่อหุ้มเราไว้หลวมๆ จิ้งหรีดอิ่มน้ำค้าง และดวงดาวกับดอกหญ้าส่งยิ้มให้แก่กัน ถึงแม้ผมกับนุรีแทบจะไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก ในห้วงความคิดของเราเอ็ดอึงด้วยคำถามคำตอบและคำบอกเล่าต่างๆนานา
     เมื่อผมฉุดมือนุรีให้ลุกขึ้นนั้น ดาวประจำเมืองเพิ่งจะอำลาไป อีกไม่นานสีดำกับสีแดงก็จะบรรจบกันที่ริมฟ้าเหมือนเคยผมไม่เคยถามนุรีว่าคืนพรุ่งนี้ เราจะอยู่ด้วยกันเหมือนคืนนี้อีกหรือไม่
    แต่บางคำถาม ก็มีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว
(ประภัสสร เสวิกุล, 2549:110)

        จากข้อความที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นได้กล่าวถึงความรู้สึกนึกคิดของชายหนุ่มที่รำลึกนึกถึงนุรีหญิงอันเป็นรักว่าผ่านอะไรมาด้วยกันก็ตั้งมากมาย นึกถึงกิจกรรมที่ได้เคยทำร่วมกันมาว่ามีความสุขมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยคุยอะไรกันมากมายนัก แต่ก็มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และในห้วงหนึ่งของความคิดของชายหนุ่มที่มีคำตอบและคำบอกเล่าต่างๆนานาเข้ามาในจิตใจ และก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า คืนพรุ่งนี้ เราจะอยู่ด้วยกันเหมือนคืนนี้อีกหรือไม่แต่บางคำถามก็มีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว และการใช้ภาษาของข้อความที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นผู้เขียนได้ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และภาษาที่สละสลวยในการบรรยายถึงความรักของทั้งคู่



      จากทั้งหมดที่ได้กล่าวมาหรือยกตัวอย่างให้ดูล้วนแล้วแต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของคน วิถีชีวิตของแต่ละคนว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดและมึความรู้สึกนึกคิดในจิตใจของมนุษย์ว่า มีความคิดอย่างไร และยังแสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมที่แตกต่างกัน ที่มีแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป ตัวละครและ เรื่องราวเหล่านี้ก็คือสามารถพบเห็นและเป็นไปรอบๆตัวเราอยู่ทุกวัน อาจจะมีความมืดมน และเศร้าหมองบ้าง ของชีวิตในแต่ละบุคคลที่ผู้เขียนได้เขียนผ่านเรื่องสั้นและตัวละคร แต่อย่างไรก็ตามในความคิดของข้าพเจ้า ถึงแม้ว่าชีวิตจะแตกต่างกัน เช่น รูปร่างหน้าตา ฐานะเงินทอง แต่ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและคุณค่า ในตัวเองกันทั้งนั้น


อ้างอิง
ประภัสสร เสวิกุล.2549.รวมเรื่องสั้น จดหมายจากชายชราตาบอด.กรุงเทพฯ:เวลาดี.
ราชบันฑิตยสถาน. (ม..ป). ชีวิต(Online). https://dictionary.sanook.com/search/dict-th-en-lexitron/ชีวิต.  สืบค้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม